Hellraiser: Revelations บิดเปิดผี นรกไม่มีวันตาย
Hellraiser: Revelations บิดเปิดผี นรกไม่มีวันตาย
Hellraiser: Revelations บิดเปิดผี  นรกไม่มีวันตาย ประมาณว่างานสร้าง Hellraiser ฉบับรีเมคยังไปไม่ถึงไหน  แต่ทว่าหากทาง Dimension Films ไม่สร้างหนังชุดนี้ต่ออีกในเวลาที่กำหนด  ลิขสิทธิ์ของหนังชุดนี้ก็จะคืนสู่เจ้าของ  และเจ้าของก็จะสามารถส่งต่อไปขายสิทธิ์ให้เจ้าอื่นได้ ดังนั้น Dimension  Films เลยไม่อยากเสียสิทธิ์ครับ  จึงรีบทำการเขียนบทให้หนังชุดนี้แบบด่วนสุดพิกัด  ซึ่งก็เขียนเสร็จเรียบร้อยใน 3 อาทิตย์ ก่อนจะลงมือถ่ายทำในเวลาแค่ 11  วันเท่านั้นเอง… ออกแนวลวกหน่อยๆ  ว่าไหมครับแล้วงานภาคนี้ก็ออกมาพร้อมกลิ่นอายลวกจริงๆ  กับเรื่องราวว่าด้วยสองเพื่อนซี้ นิค แบรดลี่ย์ (Jay Gillespie) และ  สตีเว่น คราเว่น (Nick Eversman) ยกก๊วนไปเฮ้วกันที่เม็กซิโกครับ  แล้วเขาก็ไปเจอกล่องรูบิคนี่เข้า  จากนั้นพวกเขาก็เปิดมันแล้วความสยองก็เริ่มครับจริงๆ  แล้วหนังเรื่องนี้ถือว่าเป็น Hellraiser เรื่องแรกนับแต่ภาค 4  เป็นต้นมาที่มีการเขียนบทขึ้นเพื่อหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะนะครับ เพราะภาค 5 –  8 นั้นเป็นการเอาบทหนังสยองเรื่องอื่นๆ  ที่ทางสตูดิโอรับมาดัดแปลงให้เป็นหนัง Hell ทั้งสิ้น  แต่กับเรื่องนี้คงเพราะมันเร่งด่วนน่ะครับ รอบทหนังเรื่องอื่นไม่ได้  เลยเขียนเองซะเลยแต่จะว่าไปแล้ว ผมว่าโครงเรื่องนั้นไม่เลวนะครับ ช่วงแรกๆ  อาจไม่น่าสนใจเท่าไร เหมือนหนังวัยรุ่นคะนองแล้วไปเจอเหตุสยองทั่วๆ ไป  แต่จากนั้นหนังก็ค่อยๆ Hellraiser: Revelations บิดเปิดผี นรกไม่มีวันตาย  เผยปมทีละนิด ว่าหลังจากนิคและสตีเว่นเปิดกล่องแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง  มีปมปริศนาน่าสนใจอยู่  แต่พอดีว่าทีมนักแสดงและการเดินเรื่องมันไม่มีพลังเท่าที่ควร  ทำให้เรื่องราวดูเนือย  แม้จะมีความสยองแทรกเข้ามาแต่การดำเนินเรื่องมันไม่เร้าใจ  ไม่ชวนติดตามนักแล้วที่หนักหนาที่สุดคือ พี่ Doug Bradley  ผู้ผูกขาดบทพินเฮดมานานเขาไม่กลับมาเล่นครับ จริงๆ  ตอนแรกเขาก็ทำท่าจะกลับมานะครับ เพราะได้รับการติดต่อไป  แล้วเขาก็สนใจจะมาแสดง แต่พอเข้ามาดูการเตรียมงานที่แสนจะลวก  เช่นบทหนังที่โดนเขียนแบบลวกๆ ไม่มีการเกลารอบสองใดๆ  เท่านั้นล่ะพี่ท่านรีบถอยเลยครับ แล้วมิหนำซ้ำยังลดค่าตัวอีก  เขาเลยโบกมืออำลาไปทันทีในที่สุดทีมงานจึงจำเป็นต้องหาคนมาแทน  แล้วหวยก็มาลงที่ Stephan Smith Collins  นักแสดงที่มักเล่นหนังสั้นหรือไม่ก็หนังทีวีมาแสดงเป็นพินเฮดแทน  ซึ่งบอกตรงๆ ครับว่าคนละชั้น พลังความน่ากลัวไม่มากเท่าพี่ Doug  เจ้าเก่าเลยจริงๆออกจะเสียดายหน่อยๆ  เหมือนกันครับเพราะถ้ามีการเตรียมงานดีๆ ออกแบบฉากให้เข้าท่า  ปรับบทเกลาให้มันเข้าที่อีกสักนิด ลงทุนอีกสักหน่อย ภาคนี้น่าจะสนุก (สยอง)  ในระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็น้องๆ ภาค 3 ล่ะน่า แต่ด้วยการที่หนังเซฟทุนสุดๆ  (ลงไปแค่ 300,000 เหรียญน่ะครับ) ผลที่ได้จึงไม่งดงามหนังกำกับโดย Victor  Garcia แห่ง Return to House on Haunted Hill ครับ ซึ่งผมว่าจริงๆ  พี่แกก็พยายามคุมหนังให้เข้าท่าอยู่นะครับ เพียงแต่บทหนังยังไม่เข้าที่  ทุนก็ไม่ถึง ทำให้อะไรๆ มันไม่ถึงจุดสนุกอย่างที่ควรจะเป็นอย่างที่บอกครับ  หลายๆ อย่างมันน่าจะเกลาน่าจะดันให้เข้าที่ อย่างการที่เปิดเรื่องมา  ก่อนจะตัดสลับเหตุการณ์มาเล่าว่าหนึ่งในสองคนที่เปิดกล่องนั้นได้รอดกลับมา บ้าน ซึ่งจุดนี้ถ้าปรุงดีๆ ย้ำดีๆ ก็จะชวนให้คนดูติดตามได้ล่ะครับ  ว่าหมอนี่รอดมาได้อย่างไร และคนในบ้านจะต้องพบความสยองอะไรไหม  เรียกว่าถ้าวางดีๆ ล่ะก็หนังจะออกมาแนวลุ้นๆ หลอนๆ  ได้เลยล่ะครับแต่ก็นั่นล่ะเน้อะ ออกมาเท่านี้ก็คงได้เท่านั้น  ก็ขอแนะนำว่าอย่าคาดหวังอะไรมากครับ โดยเฉพาะคอ Hellraiser  ที่ต้องทำใจขนานหนักที่ครั้งนี้พี่พินเฮดเปลี่ยนหน้าไป…  อันนี้ผมแอบลุ้นนะครับ จริงๆ แล้วฉบับรีเมคน่ะไม่ต้องไปคิดอะไรมากแล้วล่ะ  เอาบทในเรื่องนี้แหละไปคิดให้ดี เกลาให้เหมาะ วางเรื่องราวให้ซับซ้อนนิดๆ  มีปมปริศนาและความหลอนหน่อย ก็น่าจะได้ Hellraiser  ภาครีเมคที่อร่อยในระดับหนึ่งแล้วล่ะครับ
** ภาพ BLUERAY MASTER เสียงไทย นะจ๊ะ **

